ว่ากันว่า ผึ้งเป็นสัตว์ปีกที่มีความใกล้ชิดกับคนไทยมาแต่บรรพบุรุษและมีอายุน้อย ส่วนการบำบัดและรักษาอาการด้วยผึ้งและผลิตภัณฑ์ผึ้งนั้น ได้มีประวัติมาช้านานและเป็นที่รู้จักในระดับสากล จนเป็นที่ยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูง และการนำผึ้งมาใช้เพื่อการบำบัดรักษาโรคถือว่าเป็นช่องทางหนึ่ง เพื่อให้คนไทยได้ใช้ประโยชน์จากผึ้ง ที่สามารถเรียนรู้ได้เอง เผยแพร่ง่าย อีกทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำอีกด้วย
นพ.สำเริง กาญจนเมธรกุล คณบดีสำนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เปิดเผยเมิ่อวันที่ 13พ.ค. ว่า สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพร่วมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดให้บริการรักษาโรคด้วยพิษผึ้ง หรือ ผึ้งบำบัด (Apitherapy)โดยทีมแพทย์ที่ผ่านการอบรมการรักษาด้วยพิษผึ้งจากประเทศจีน
โรคที่รักษานั้นจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มอาการปวดและอาการชา อาทิ ปวดศีรษะเรื้อรัง ไมเกรน ปวดประจำเดือน ปวดตามร่างกายทั่วไป ชามือ ชาเท้า กลุ่มที่ 2 ก็คือ กลุ่มอาการไขข้อ ไขข้ออักเสบ รูมาตอยด์ โรคข้อเข่าเสื่อม เส้นเอ็นอักเสบ นิ้วล็อก โรคเกาต์ และกลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มอาการอื่นๆ เช่น ริดสีดวง ตะคริวน่อย ไซนัส นอนกรน เลิกบุหรี่ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคอัลไซเมอร์ ไอเรื้อรัง ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูงเส้นเลือดตีบ อ่อนเพลีย เป็นต้น
นพ.สำเริง กล่าวว่า นอกจากจะเปิดรักษาด้วยผึ้งแล้วบำบัดแล้ว ยังมีความตั้งใจที่จะศึกษาวิจัยการนำผลิตภัณฑ์จากผึ้ง น้ำผึ้ง เกสรผึ้ง นมผึ้ง พรอพอลิส ไขผึ้ง และพิษผึ้ง เพื่อใช้ในการรักษา โดยร่วมมือกับนายประเสริฐ นพคุณขจร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบำบัดโดยใช้ผึ้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องผึ้งบำบัดให้แก่บุคลากรด้านสุขภาพ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย นักศึกษา และประชาชนทั่วไป อีกทั้งจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกไปทำการรักษาด้วยพิษผึ้ง ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
การรักษาด้วยพิษผึ้งเป็นแนวทางการรักษาทางเลือกหนึ่ง โดยฝังเหล็กในลงตามหลักการของการฝังเข็ม ซึ่งพิษผึ้งจะมีฤิทธิ์รักษาหลายอาการ โดยเฉพาะ แก้อาการปวด ช่วยปรับภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ เป็นต้น ส่วนความสำเร็จในการรักษานั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างการของแต่ละบุคคล เพราะบางคนรักษาครั้งเดียว หลายคนต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง หรืออาจจะต้องหาแนวทางอื่นที่เหมาะสมกับคนคนนั้นต่อไป
นอกจากนี้ นายประเสริฐ นพคุณขจร ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการบำบัดโดยใช้ผึ้งและผู้เชี่ยวชาญเรื่องผึ้ง ระบุว่า โรคที่เป็นปัญหามากในขณะนี้ก็คือ โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งมีผู้ที่ป่วยจำนวนมากต้องการรักษา และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการฝังเหล็กในตัวผึ้ง จะเห็นได้ว่าการรักษานั้นล้วนแล้วเป็นปัญหาเรื่องสุขภาพที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ต้องการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มในตัวผึ้งต้องได้รับการทดสอบการแพ้พิษก่อน ถ้าร่างกายไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านก็สามารถฝังต่อไปได้ ส่วนผู้ที่อยู่ในภาวะไม่เหมาะสม ได้แก่ หิว อิ่มจนเกินไป กลัว โกรธ ตื่นเต้น เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย และอาหารต้องห้ามก็คือ ต้องรับประทานอาหารอ่อน ๆ และทานผักให้มาก ๆ งดอาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ก่อนรับการรักษาด้วย
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจรับบริการนั้น อาจจะต้องใช้เวลาในการรอนาน เนื่องจากว่ามีผู้มาใช้บริการค่อนข้างมาก ส่วนการให้บริการนั้นจะมีทุกๆ วันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. และในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. หรือในช่วงแรกนี้จะยังไม่คิดค่าใช้จ่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น