ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"

ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ

ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 19:30:38 น.

Share21




สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ.) 

 เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ.)  ได้จัดสัมมนาเรื่องระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ  ดร. อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ  ทีดีอาร์ไอ. กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากการที่ค่าใช้จ่ายของสวัสดิการรักษาพยาบาลเป็นงบปลายเปิด คือ เบิกเท่าไร ก็สั่งจ่ายเท่านั้น กรมบัญชีกลางซึ่งดูแลเรื่องนี้ ก็ไม่มีเครื่องมือในการควบคุมค่าใช้จ่าย ทำให้ทั้งผู้ป่วยและหมอขาดแรงจูงใจที่จะใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องผู้ป่วยนอก เป็นปัญหามาก ในปี 2550 ค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นถึง 40% เป้าหมายของการวิจัยจึงเป็นเรื่องว่า เราจะสร้างระบบอย่างไรให้มีการใช้เงินที่มีประสิทธิภาพขึ้นในขณะเดียวกันสุขภาพของข้าราชการก็ไม่ได้แย่ลง 

 

 

ดร. วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านหลักประกันทางสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่า ข้าราชการส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างปัญหา แต่ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการใช้จ่ายที่สูง เช่น ปี 2553 ข้าราชการที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุด 1% ของผู้ป่วยทั้งหมด ใช้เงินถึง 20% ของค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอก หรือเฉลี่ยคนละ 3 แสนบาทสำหรับผู้ป่วยนอกอย่างเดียว ยังไม่รวมผู้ป่วยใน การเจ็บป่วยของคนกลุ่มหนึ่งเป็นเรื่องปกติ

 

 

แต่การใช้จ่ายนั้นต้องหาทางทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเงินที่จ่ายออกไปเป็นเงินของตน เพื่อให้การตัดสินใจใช้จ่ายมีประสิทธิภาพขึ้น ถ้าเป็นเงินจากกระเป๋ารัฐอย่างเดียวก็อาจจะไม่ต้องคิดมากอะไรในการจ่ายแต่ละครั้ง ถ้ามีการสร้างระบบที่ดี ผู้ป่วยควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใช้เงินเพื่อสุขภาพของตนมากกว่านี้

 

 

นพ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านควบคุมป้องกันโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เราน่าจะกำหนดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของข้าราชการให้เป็นสัดส่วนกับงบเงินเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเติบโตอย่างไม่จำกัด การที่จะมาจำกัดค่าใช้จ่ายอย่างเดียวอาจจะไม่เหมาะสม

 

 

รศ.นพ.จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  ความท้าทายที่สำคัญในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการคือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว    กรมบัญชีกลางจะมีการศึกษาวิจัยและกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายไปจำนวนหนึ่งแล้ว  แต่ยังมีโอกาสพัฒนาในด้านอื่นๆ ของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการอีก  

 

 

เหตุผลหนึ่งเนื่องจาก ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการเป็นระบบที่มุ่งเน้นการให้สวัสดิการด้านรักษาพยาบาลเป็นหลัก  ยังไม่ได้นำแนวคิดของการจัดการสุขภาพที่มีความเป็นองค์รวมเพื่อการดูแลสุขภาพระยะยาวเข้ามาบูรณาการด้วย   แนวคิดดังกล่าวน่าจะทำให้ข้าราชการและครอบครัวได้รับการดูแลสุขภาพอย่างครบถ้วนมากขึ้น  ส่งเสริมคุณภาพ และทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้จากการป้องกันความเจ็บป่วยหรือภาวะแทรกซ้อนของโรคที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ต่อเนื่องและได้รับการส่งเสริมให้มีศักยภาพในการดูแลตนเองมากขึ้น

 

จากการศึกษานำร่องโดยการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการร่วมกับการติดตามศึกษาข้อมูลการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิสวัสดิการรรักษาพยาบาลข้าราชการกลุ่มตัวอย่างที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอันได้แก่ กลุ่มโรคเบาหวาน และกลุ่มโรคความดันโลหิตสูง 

 

 

พบว่า  ผู้ป่วยจำนวนประมาณ 1 ใน 4 มีการไปใช้บริการที่โรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มที่เจ็บป่วยมากกว่าและมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า  การทบทวนข้อมูลการรักษาทำให้เห็นว่าผู้ป่วยในกลุ่มโรคเรื้อรังดังกล่าว ประมาณร้อยละ 13–24 ยังไม่ได้รับการดูแลที่ต่อเนื่อง และร้อยละ 15-50 ยังไม่ได้รับการดูแลครบถ้วนตามแนวทางเวชปฏิบัติแล้วแต่กรณี  นอกจากนี้กว่าร้อยละ 80  ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้รับการสร้างเสริมสุขภาพที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้    

 

 

ข้อมูลดังกล่าวพบร่วมกับการที่อัตราการรับผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังทั้งสองกลุ่มเข้ารักษาในโรงพยาบาลของกลุ่มผู้ป่วยสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สูงกว่าตัวเลขของประเทศที่พัฒนาแล้วโดยเฉลี่ยกว่า 3-4 เท่า  

โดยหลักทฤษฏีแล้ว หากผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องครบถ้วน และมีความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเองอย่างเพียงพอ  ความเจ็บป่วยถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน่าจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ 

 

 

กล่าวคือมีผลดีทั้งทำให้คุณภาพบริการและสุขภาพของกลุ่มผู้ป่วยดีขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่าย   คณะผู้วิจัยจึงเสนอให้กรมบัญชีกลางนำแนวทางการจัดการผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือที่เรียกว่า Chronic Disease Management มาประยุกต์ใช้ในการจัดการบริการสุขภาพให้กับผู้มีสิทธิในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ   เทคนิคการจัดการผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งมีการนำมาใช้แล้วในระบบหลักประกันสุขภาพในหลายประเทศ มุ่งเน้นให้ผู้ป่วยที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังมีผู้ให้บริการสุขภาพประจำตัว  ได้รับการดูแลสุขภาพภายใต้การจัดการเชิงระบบ ให้เกิดความต่อเนื่อง ครบถ้วน และให้มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่มุ่งสร้างเสริมความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วย เพื่อควบคุมโรคให้ได้ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของการดูแลสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ดังกล่าว   ซึ่งหากมีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิผล น่าจะสามารถลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรครวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1304073287&grpid=&catid=02&subcatid=0200




เติมเงินเหลือในมือถือลาภลอยให้เอกชนเดือนละ 6 พันล.





เติมเงินเหลือในมือถือลาภลอยให้เอกชนเดือนละ 6 พันล.

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2010 เวลา 16:55 สุพัตรา จันทร์เรือง
อีเมลพิมพ์PDF
Addthis
คุณเคยสงสัยไหมว่าเงินที่เติมเข้าโทรศัพท์มือถือ แต่วันหมดทำให้โทรออกไม่ได้ เมื่อรวมๆกันแล้วต่อเดือนคิดเป็นมูลค่าเท่าไร 

คุณรู้ไหมว่าตกเดือนละ 6 พันล้านบาททีเดียว

ในงานเสวนา 'เงินเหลือในมือถือ สิทธิของใคร?' เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.จัดโดยสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) 

โดยมีผู้ร้องเรียน สบท.บอกเล่าประสบการณ์ตรง กรณีถูกยึดเงินที่เหลือในโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน (พรีเพด) ล่วงหน้าเนื่องจากวันใช้งานหมดอายุ 3 กรณีโดย 

ผู้บริโภครายแรกเป็นข้าราชการบำนาญหญิงเปิดเผยว่า ใช้บริการฮัทช์ที่เติมเงินล่วงหน้าไว้ 3 ปี จำนวนหมื่นกว่าบาท แล้วมีการยกเลิกบริการเพราะยิ่งเติมเงินยิ่งเหลือมาก เนื่องจากเน้นรับสาย และเมื่อเลิกใช้บริการแล้วยังเหลือเงินอีก 7,500 บาท พอขอคืนทางฮัทช์บอกว่าไม่มีนโยบายคืนเงิน จึงต้องร้องเรียนที่สบท.

กรณีที่ 2 เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งใช้บริการดีแทคแล้วหยุดใช้ไปเนื่องจากเครื่องเสียเมื่อเดือน พ.ย. 52 แต่พอถึงเดือน เม.ย. 53 นึกได้ว่ามีเงินเหลืออยู่ในระบบ 1,500 บาท พอเปิดใช้ปรากฏว่าไม่เหลือทั้งเลขหมายและเงินในระบบ จึงร้องเรียนไปที่ดีแทคจนได้คืนในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

กรณีที่ 3 เป็นข้าราชการบำนาญชายใช้ฮัทช์พอวันหมดอายุการใช้งานเป็นช่วงที่เดินทางไป ต่างจังหวัดแล้วหาซื้อบัตรเติมเงินไม่ได้ แต่ทางบริษัทได้มีการส่ง SMS เตือน แต่ก็ยังหาซื้อบัตรเติมเงินไม่ได้จึงถูกยึดเงินซึ่งเหลือ 1,213 บาท พอติดต่อไปบริษัทบอกว่าไม่มีนโยบายคืนเงิน แต่เมื่อให้เหตุผลแล้ว ฮัทช์บอกจะคืนให้ 200 บาท แต่ต้องรอสักระยะ เมื่อบอกจำเป็นต้องใช้จึงคืนให้ก่อน 50 บาทแล้วค่อยคืนอีก 150 บาท พอมีการร้องเรียนไปที่ สบท. ส่วนที่เหลือจึงยอมคืนให้

นายปิยบุตร บุญอร่ามเรือง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประกาศกทช.เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 11 ระบุว่า การให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการเป็น การล่วงหน้าจะต้องไม่มีข้อกำหนดอันมีลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการ ต้องใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่ผู้ให้บริการจะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเป็นการล่วงหน้า ทั้งนี้ คณะกรรมการอาจกำหนดเงื่อนไขการให้บริการประกอบด้วยก็ได้ เช่น การถ่ายโอนมูลค่าที่เหลืออยู่ การคืนค่าบริการในส่วนที่ไม่ได้ใช้บริการ การกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการใช้บริการ การขึ้นทะเบียนชื่อที่อยู่ของผู้ให้บริการ เป็นต้น ในการนี้คณะกรรมการอาจจัดให้มีการรับฟังความเห็นสาธารณะหรือรับฟังความคิด เห็นจากผู้บริโภคด้วยก็ได้


ผู้บริการตามวรรคหนี่งต้องเผยแพร่แบบสัญญาที่คณะกรรมการเห็นชอบแล้วเป็นการ ทั่วไป และแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นหนังสือก่อนเริ่มใช้บริการ

'เรื่อง ลักษณะนี้ต่างประเทศก็เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะผู้บริโภคอ่อนแอต่อรองไม่ได้ เนื่องจากตัวเล็กต้องยอมรับสัญญาเงื่อนไข อีกอย่างข้อมูลการโฆษณาแม้รู้ก็ยังเหมือนเดิม กฎหมายทั่วโลกเป็นเหมือนกัน เพราะผู้ประกอบการตัวใหญ่มากขณะที่ผู้บริโภคตัวเล็ก เมื่อมีกฎคุ้มครองผู้บริโภคค่อยดีขึ้น'

ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนไปในธุรกิจมือถือหลังมีการปลดล็อกรหัสเครื่องลูกข่าย (อีมี่) ทำให้บริการแบบพรีเพดเป็นรายได้หลักของค่ายมือถือทั้งเรื่องของจำนวนเลขหมาย และรายได้ ขณะที่ต้นทุนบริหารจัดการก็ได้เปรียบเพราะผู้ใช้จ่ายเงินก่อนไม่ต้องเสีย เวลาติดตามหนี้เหมือนแบบรายเดือน

'การมีประกาศของกทช.ตามข้อ 11 ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการปกป้องผู้บริโภครายเล็กรายน้อย แต่ประกาศดังกล่าวยังมีมุมมืดอยู่เนื่องจากพนักงานของรัฐไม่ทำตามประกาศซึ่ง เป็นการละเลยหน้าที่'

ทั้งนี้ การเก็บเงินระบบพรีเพดกรณีของเอไอเอสจะทำเป็นรายได้ของบริษัทซึ่งคิดเป็น กำไรแล้วนำไปหักภาษีมูลค่าเพิ่ม ดีแทคเก็บเป็นรายได้แบบรับรู้จริงจากลูกค้า แต่ยังไม่รวมเป็นกำไร ซึ่งเป็นลักษณะของการกำเงินไว้ก่อน ส่วนทรูมูฟคือยังมีพันธะกับผู้ใช้บริการ ซึ่งมีการจัดเก็บเหมือนดีแทค จากการจัดเก็บดังกล่าวนอกจากการเสียภาษีแล้ว ยังนำไปคิดในการจ่ายค่าสัญญาสัมปทานตามเงื่อนไขของแต่ละราย ซึ่งการต่อสู้ของผู้ให้บริการก็อ้างเหตุผลตรงนี้

'ตามประกาศกทช.แล้วเงินที่เหลือในระบบเป็นลาภที่เอกชนมิควรได้ ต้องเป็นของผู้บริโภค'

นพ. ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้ส่งผลกระทบกับภาพรวมในหลายด้านคือ 1.เร่งการใช้งาน 2.เร่งการเติมเงิน 3.เติมเดือนละ 300 บาท แต่ใช้เพียง 200 บาท 4.มีการเติมเกิน 60 ล้านเลขหมายต่อเดือนคิดเป็นมูลค่า 6 พันล้านบาทต่อเดือน 5.บางส่วนที่คงเหลือจะถูกยึดหากไม่เติมเพิ่ม

ผู้อำนวยการ สบท. มองทางออกว่า ควรกำหนดวันใช้งานขั้นต่ำ 6 เดือนหรือ 1 ปี กำหนดวิธีการคืนเงินที่สะดวกและเป็นธรรม กำหนดวิธีการลงทะเบียน กำหนดขั้นต่ำของการเติมเงินที่ไม่สูงเกินไป เช่น 30 บาท

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังหาทางออกกที่ชัดเจนไม่ได้ในการคืนเงินกับผู้บริโภค แต่ก็ยังมีความพยายามในการแก้ปัญหา นั่นคือเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคกิจการโทรคมนาคม (สบท.) และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แถลงภายหลังการหารือกับผู้แทนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้ โทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่มีกว่า 60 ล้านเลขหมาย ซึ่งถูกตัดเงินหรือยึดเงินเนื่องจากจำนวนวันหมดอายุก่อน โดยมีมูลค่ามหาศาลว่า เบื้องต้นเห็นว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือต้องปฏิบัติตามประกาศข้อ 11 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ที่ไม่สามารถยึดหรือตัดเงินดังกล่าวได้ แต่ยังมีข้อโต้แย้งที่ผู้ให้บริการและผู้บริโภคอาจไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเห็นช่องทางที่ สคบ.จะดำเนินการฟ้องร้องแทนผู้บริโภค หรือการไกล่เกลี่ยหรือฟ้องคดีแทนผู้บริโภคที่เสียหายเพื่อ เป็นการลดภาระและลดขั้นตอนในการทำงานลง 

ทั้งนี้ก็เพื่อจะสร้างให้เกิดความเท่าเทียม แม้ว่าจะไม่ได้ร้องเรียนเข้ามา เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป 

ก็ได้แต่หวังว่าจะคืนความยุติธรรมให้ผู้บริโภคได้ในเร็ววัน


สบท.สำรวจคุณภาพบริการมือถือ พบโทรทรู-ฮัทช์ ติดขัดมากสุด

สบท.สำรวจคุณภาพบริการมือถือ พบโทรทรู-ฮัทช์ ติดขัดมากสุด

29 เมษายน 2554 (เปิดอ่าน 106)

สบท.เผยผลสำรวจคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์มือถือทางด้านเสียง-การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ พร้อมเปิดตัวแอพลิเคชั่นทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อเน็ตทางมือถือ...
 
วันที่ 28 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม หรือ ทริดี้ และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เปิดผลการสำรวจคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์มือถือทางด้านเสียงและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ ภายใต้โครงการทดสอบคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมประเภทเสียงในบริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่จากมิติการใช้งานของผู้บริโภค
 
ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อศึกษาคุณภาพการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้านเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยการสะท้อนประสบการณ์ในการใช้งานของผู้บริโภค ด้วยการทดสอบคุณภาพบริการโทรศัพท์มือถือ ทั้งในแง่การติดต่อไปยังโทรศัพท์มือถือภายในเครือข่าย และนอกเครือข่ายความถูกต้องของหมายเลขโทรศัพท์ที่แสดงในจอผู้รับ โดยเป็นการทดสอบที่เป็นวิทยาศาสตร์ สำหรับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ทดสอบในครั้งนี้ ประกอบด้วย เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และฮัทช์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ธ.ค.2553-เม.ย.2554 จากการทำสอบ 20 วัน และใช้การทดสอบทุกค่ายรวม 31,500 ครั้ง โดยใช้เวลาทดสอบ 2 ช่วง ได้แก่ 08.00 -11.00 น. และ 16.00 – 21.00 น.
 
ส่วนผลการสำรวจและทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือ ได้ทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทุกข่ายทั้งระบบ 2จี 3จี และไว-ไฟ โดยทดสอบการใช้งานในหลายจังหวัด ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค.2554 ใช้โปรแกรม tci speed test ที่ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือดาวน์โหลดผ่านโมบายแอพพ์สโตร์ต่างๆ ทั้งของแบล็คเบอร์รี่ แอปเปิ้ล แอนดรอยด์ ซิมเบี้ยน และจาวา สำหรับวินโดวส์โมบายด์ ขณะนี้ มีการดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วกว่า 1,500 ดาวน์โหลด
 
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบนี้จะนำไปเผยแพร่เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการ เลือกใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ของ สบท. (www.tci.or.th) ขณะที่ผลทดสอบนี้เป็นการเปรียบเทียบคุณภาพบริการของแต่ละค่ายผู้ให้บริการ ไม่ได้มีเจตนาที่จะฟันธงว่าค่ายไหนบริการดีกว่ากัน อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคไทยยังดูเรื่องของค่าบริการมากกว่าเรื่องคุณภาพบริการเพราะคุณภาพบริการเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้
 
ทั้งนี้ ผลการสำรวจคุณภาพการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้านเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ จากการทดสอบ 20 วัน จากการวิเคราะห์ตามหลักสถิติ ที่ได้เป็นค่าเฉลี่ย พบว่า อัตราส่วนจำนวนครั้งที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครื่องปลายทางได้ หรือ โทรฯไม่ติด ตามมาตรฐานการโทรฯ ภายในเครือข่ายเดียวกันห้ามเกิน 10% ส่วนโทรฯ ข้ามเครือข่ายห้ามเกิน 15%  จากการทดสอบการโทรฯออกจากฮัทช์ไปหาค่ายทรูมูฟ และโทรฯจากทรูมูฟไปฮัทช์ มีอัตราการโทรไม่ติดค่อนข้างมาก แต่ยังอยู่ในมาตรฐานที่ราชกิจจานุเบกษากำหนด ขณะที่ อัตรามาตรฐานที่สามารถโทรฯ ข้ามโครงข่ายไม่ติดของมาเลเซียอยู่ที่ 10% แต่ของไทยอยู่ที่ 15% ซึ่งยังหย่อนกว่ามาเลเซีย
 
โดยอัตราส่วนจำนวนครั้งที่สูญเสียการติดต่อหลังจากติดต่อปลายทางได้ หรือ สายหลุด ตามมาตรฐานห้ามเกิน 2% ซึ่งทุกค่ายผู้ให้บริการอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่ ทรูมูฟแม้จะมีค่าสูญเสียการติดต่อปลายทางได้สูงกว่าค่ายผู้ให้บริการอื่น แต่ยังอยู่ในมาตรฐาน และระยะเวลาในการรอสายจนมีการตอบรับจากปลายทาง ซึ่งค่ามาตราฐานกรณีนี้ในราชกิจานุเบกษาไม่ได้กำหนดไว้ แต่จากการทดสอบค่าเฉลี่ยการรอสายอยู่ที่ 6 วินาที
 
ส่วนผลการสำรวจ และทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือ พบว่า ดาวน์โหลดไปใช้งานแล้ว 1,500 ดาวน์โหลด ด้วยโทรศัพท์มือถือทั้งหมด 11 ยี่ห้อ รวม 85 รุ่น มีการทดสอบทั้งหมด 1 หมื่นครั้ง จากการทดสอบ 41 จังหวัด จากสถิติการทดสอบแบ่งเป็นแบล็คเบอร์รี่ 5.36% ซิมเบี้ยน 5.18% แอนดรอยด์ 9.11% tci speedtest  79.29% และวินโม 1.06% แบ่งเป็นสถิติผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของทีโอที 13.73% ทรู 15.70% ดีแทค 21.06% เอไอเอส 11.88% ไว-ไฟ 32.99% และอื่นๆ 4.66%
 
ขณะที่ สถิติของเทคโนโลยีที่ใช้ทดสอบ แบ่งเป็น 2จี 18.82% 3จี 17.09% ไว-ไฟ 32.99% และอื่นๆ 1.08% สำหรับ จังหวัดที่ดาวน์โหลดโปรแกรมไปติดตั้งแวทดสอบมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ คิดเป็น 65.58% นนทบุรี 5.56% และเชียงใหม่ 4.24%
 
อีกทั้ง ความเร็วที่ทดสอบได้เฉลี่ยเบื้องต้น ais 2จี ดาวน์โหลด 111.54 kbps/63.95 kbps – 3จี 577.26 kbps/183.94 kbps dtac 2จี 121.25 kbps/60.69kbps true 2จี 106.83kbps/59.57kbps – 3จี 1162.22kbps/269.98kbps tot 3จี 1026.65kbps/522.83kbps –wi-fi 1560.01kbps/920.33kbps


ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวจากแหล่งอื่นๆ: 

          -
 ผลสำรวจคุณภาพการให้บริการมือถือ - www.voicetv.co.th 

          - สบท.สำรวจคุณภาพบริการมือถือ พบ.ทรูมูฟ.สายหลุดมากสุด - ASTV ผู้จัดการออนไลน์

          - สบท.ชี้คุณภาพบริการมือถือไทยได้มาตรฐาน - เดลินิวส์


--
 
 
 

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2554 ตั้งแต่ 9.00 น. – 11.00 น. ณ บ้านอารีย์ ซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ

 เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ และ ครบรอบ 105 ปีท่านพุทธทาส มูลนิธิบ้านอารีย์จัดงานเพื่อน้อมรำลึกวาระพิเศษนี้ ในวันฉัตรมงคลและอาจริยบูชา สองศรีพระศาสนา (พุทธทาส – ปัญญานันทภิกขุ) ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมสวดมนต์ ฟังธรรม พร้อมเจริญภาวนา และร่วมทำบุญตักบาตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมปิดท้ายด้วยการแสดงธรรมะจากหลวงพ่อสุรศักดิ์ สุรญาโณ จากวัดชลประทานรังสฤษฏ์และการประสานดนตรีจากวงจีวันแบนด์ ในวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2554 ตั้งแต่ 9.00 น. – 11.00 น. ณ บ้านอารีย์ ซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ ติดต่อสอบถามโทร. 02-279-7838 , 02-619-7474 

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
          บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

          สิทธิ วัฒนายากร โทรศัพท์ 0-2610-2384
          เสาวลักษณ์ ทรัพย์คงอยู่ โทรศัพท์ 0-2610-2344



วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

"อัยการศึก-รัฐประหาร-กวาดล้างน้ำ"


วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554


"อัยการศึก-รัฐประหาร-กวาดล้างน้ำ"



นิยายสารขัณฑ์ประเทศ

ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายกลางพายุฤดูร้อนอย่างผิดฤดู ท่ามกลางกระแสข่าวลือ จอดับ และสงครามชายแดน

ทหารระดับหัวแถวไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้นัดเข้าปรึกษากัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง เจ้าของสถานที่ผู้ยิ่งใหญ่ได้รับงานมาให้รีบจัดการ ทำอย่างไรให้สกัดพรรคเพื่อไทยให้ได้

งานที่โดนเร่งรัดให้ปิดจ็อป

ท่ามกลางสารพัดวิธีที่ขุดออกมา ที่สุด ขุนทหารแก่-หนุ่ม ทั้งหลายได้ทุบโต๊ะวางแผนไว้กับแผน

"ศึกนอก-ศึกใน"

ศึกนอก- ก่อสงครามชายแดนให้แรงขึ้นถึงขนาดเข้ายึดพื้นที่พิพาทเพื่อจุดกระแสฮึกเหิมความรักชาติ
ศึกใน- ยึดสื่อทุกชนิดของเสื้อแดง ให้เสื้้อแดงออกมาต่อต้านรุนแรง

ภาพทหารที่รับใช้ชาติ ต่อสู้ศัตรู แต่โดนทหารต่อต้านในเมือง จะถูกตีพิมพ์ลงหน้าหนึ่ง พร้อมประกาศกฏอัยการศึก!!!!! เป็นขั้นแรก

การใช้จังหวะ 19 พ.ค.นี้ จุดกระแสกวนเมือง จุดข่าวหลอกเสื้อแดงไปตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างสถาการณ์ ให้แรงพอ ซึ่งดูสองวันที่ผ่านมา "เสื้อแดงรับมือไม่ได้เลย" เมื่อเสื้อแดงหลงกลโดนหลอกจุดไฟเผาอีกครั้ง ทหารก็ทำตามขั้้นสอง "รัฐประหาร" โดยมีเหตุผลว่า เสื้อแดงก่อความวุ่นวายขัดขวางการปฏิบัติงานของทหาร จนอาจทำให้รัฐไทยเสียดินแดนได้ เป็นขั้นสอง

เขากำลังใช้เสื้อแดงเป็น "เหยื่อ" และก็ "เชือดเหยื่อ" ด้วยความโง่ของคนเสื้อแดงเอง

ประเด็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นเหตุผลหลักเช่นกัน แต่หลังการท้าทายของเหล่าคณาจารย์เมื่อวันก่อน ทำให้เขาเริ่มคิดหนักว่า ควรใช้กระแสนี้โหมกันให้สุดขั้ว หรืออย่าแตะให้แรงกว่านี้ ที่สุด ประเด็นนี้กลายเป็น "เชื้อไฟ" ที่ตระเตรียมไว้สำหรับกวาดล้างรอบ 2 ในโอกาสครบรอบปี การไล่ล่าจับกุมทุกคนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จะเริ่มทั้ง "เก็บดัง-เก็บเงียบ" เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต

"อัยการศึก-รัฐประหาร-กวาดล้างน้ำ" ได้กลายเป็นผลึกไอเดียที่เริ่มดำเนินงานแล้ว ส่วนประชาชนชายแดนก็แค่เบี้ยในกระดาน

"ดาวเทียมดับ กับ สงครามไทย-กัมพูชา" ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สื่อฯระดับพระกาฬ แอบกระซิบ!!


จี้ กทม.แก้ปัญหาน้ำท่วมขังบนพื้นทางด่วนและพื้นถนน หลังพบแม้มีปริมาณฝนตกน้อยแต่ยังเกิดการท่วมขัง วอนให้วิศวกรผู้ออกแบบสร้างทบทวนสาเหตุ

27 เม.ย. 54 - ส.ว.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ จี้ กทม.แก้ปัญหาน้ำท่วมขังบนพื้นทางด่วนและพื้นถนน หลังพบแม้มีปริมาณฝนตกน้อยแต่ยังเกิดการท่วมขัง วอนให้วิศวกรผู้ออกแบบสร้างทบทวนสาเหตุ

พลเรือเอกสุรศักดิ์  ศรีอรุณ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ต้องการให้ กทม.เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทั้งบริเวณถนนและบนทางด่วนแม้จะมีปริมาณฝนตกน้อย โดยปัญหาเหล่านี้เกิดจากการไม่ขุดลอกสิ่งปฏิกูลที่อุดตันอยู่ในแหล่งระบายน้ำขนาดเล็ก ทั้ง ๆ ที่มีคลองลัดโพธิ์ซึ่งช่วยระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วรองรับ นอกจากนี้ กทม. ยังต้องทบทวนถึงการออกแบบทางด่วนของวิศวกรด้วยว่าทำอย่างไรจึงให้ทางด่วนที่อยู่สูงเกิดน้ำท่วมขังได้ และจะต้องเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำซาก เพราะแม้จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นใน กทม. แต่ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ลักขณา  เทียกทอง / ผู้สื่อข่าว
มันทนา ศรีเพ็ญประภา/ เรียบเรียง



ดาวน์โหลด Mobile Speed Test ฟรี

http://www.tci.or.th/newspr_detail.php?id=94#newspr

ดาวน์โหลด Mobile Speed Test ฟรี

26 มกราคม 2554 (เปิดอ่าน 1247)

Symbian Phone ที่รองรับหน้าจอ 240×320 ติดตั้งโปรแกรมได้ที่
SpeedTestTCI.jad Download ที่นี่
SpeedTestTCI.jar Download ที่นี่

Windows Mobile Phone ที่รองรับหน้าจอ 240×320 ติดตั้งโปรแกรมได้ที่ 
SpeedTestTCI.jad Download ที่นี่
SpeedTestTCI.jar Download ที่นี่

Andriod (Beta version)  Download ที่นี่

iPhone  Download ที่นี่

beartaihitech วิดีโอ



---------- จดหมายที่ถูกส่งต่อ ----------
จาก: Blog 1051 <ablog1951@gmail.com>
วันที่: 28 เมษายน 2554, 4:34
หัวเรื่อง: beartaihitech เพิ่งอัปโหลดวิดีโอ
ถึง: seminarday <seminarday@live.com>, mondaymsn@live.com


 





YouTube ศูนย์ช่วยเหลือ | ตัวเลือกอีเมล

beartaihitech เพิ่งอัปโหลดวิดีโอ:

จากจุดกำเนิดเล็กๆ ของ IT Orgazier ที่ตั้งใจสร้างงานเปี่ยมคุณภาพ เกิดเป็นผลงานที่ได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากทุกแบรนด์ไอทีชั้นนำ

เรานำประสบการณ์ที่สั่งสม.. เจือความภูมิใจในทุกความสำเร็จ สู่การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก Thailand Game Show มหกรรมเด็กเล่นเกมครั้งใหญ่ที่สุดของไทย โดยเก็บความหวังให้ทุกคนเชื่อว่างานนี้จะพัฒนาให้ดีขึ้นทุกปี เป็นความลับเล็กๆ ให้สัมผัสกันผ่านความเอาใจใส่ที่เราทุ่มเทให้

แต่ความสนุกเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ใช่คำตอบของงานจาก Show No Limit เราพยายามผสมความรู้จนเกิดเป็นองค์ประกอบของแนวคิด "ความรู้ดูสนุก" พื้นฐานหลักที่แฝงอยู่ในทุกงาน เพื่อสร้างประโยชน์และคืนกำไรให้สังคม อย่างนิทรรศการเกมดีหรือนิทรรศการเกมวิทย์ เพื่อแนะนำเกมดีมีประโยชน์ให้สังคมไทย และ IT Talkshow จากรายการแบไต๋ไฮเทค ที่นำความรู้ปนความสนุกไปส่งผ่าน 10 สถาบันการศึกษาทั่วไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

จากวันแรกสู่ 10 ปี ที่เราเชื่อว่าเรื่องไอทีทำให้คนฉลาดขึ้น และจากวันนี้สู่อนาคต Show No Limit ก็ยังคง Organized by Brain Presented by Heart เพื่อสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ต่อไปและเสมอไป อื่นๆ

คุณสามารถยกเลิกการสมัครรับการแจ้งเตือนสำหรับผู้ใช้คนนี้ได้โดยไปที่ การสมัครรับข้อมูลของฉัน

© 2011 YouTube, LLC
901 Cherry Ave, San Bruno, CA 94066
 






วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ลาวดวงเดือน - ( ปุ้ย ) ดวงพร ผาสุข

โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง โอ้ดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม พี่นี้รักเจ้าหนอขวัญตาเรียม จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย (ซ้ำ) หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูของเรียมเอย (ซ้ำ) หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอยเราละเหนอ โอ้ละหนอนวลตาเอย พี่นี้รักแสนรักดังดวงใจ โอ้เป็นกรรมต้องจำจากไป อกพี่อาลัยเจ้าดวงเดือนเอย เห็นเดือนแรมเริศร้างเวหา เฝ้าแต่เบิ่งดูฟ้า(ละหนอ)เห็นมืดมน พี่ทนทุกข์ทุกข์ทนโอ้เจ้าดวงเดือนเอย พี่ทนทุกข์ทุกข์ทนโอ้เจ้าดวงเดือนเอย เสียงไก่ขันขานเสียงหวานเจื้อยแจ้ว หวานสุดแล้วหวานแจ้วเจื้อยเอย (ซ้ำ) ถึงจะหวานเสนาะหวานเพราะกระไรเลย บ่แม้นทรามเชยเราละเหนอ (ซ้ำ)

อาการ​เริ่ม​แรก​ของ​ผู้​ป่วย​โรค​สมอง​เสื่อม ไม่​รู้​พูด​จริง​หรือ​โกหก

Pic_165422

แพทย์​ผู้​ชำนาญ​ด้าน​ประสาท​และ​จิตเวช มหาวิทยาลัย​แคลิฟอร์เนีย​ศึกษา​พบ​ว่า ผู้​ที่​เริ่ม​เป็น​โรค​สมอง​เสื่อม​ใหม่ๆ มัก​จะ​ไม่ค่อย​รู้ตัว​ว่า​เป็น​คำ​พูด​จริง​หรือ​ปด และ​พูด​ประชดประชันเป็น​อย่างไร เชื่อ​ว่า​ผล​การ​ค้น​พบ​นี้จะ​ช่วยให้​หมอ​วินิจฉัย​โรค​ได้​แต่​เนิ่นๆ

หมอ​แค​เธอ​รี​น  แรง​กิน  ​กับ​คณะ  ได้​ศึกษา​โดย​ใช้​เครื่อง​ตรวจ​ทาง​รังสีวิทยา​คลื่น​แม่เหล็ก กับ​ชาย​หญิง 175 คน เกิน​ครึ่ง​ล้วน​แต่​เป็น​ผู้​ป่วย​โรค​ความ​เสื่อม​ของ​ระบบ​ประสาท  เช่น  โรค​สมอง​เสื่อม ได้​พบ​ว่า​ผู้​สูงอายุ​ที่​ยัง​ปกติ​ดี จะ​ฟังออก​ว่า​คำ​พูด​อัน​ไหน​จริง​หรือ​เท็จ แต่​หาก​เป็น​ผู้​ป่วย​สมอง​เสื่อมของ​สมอง​ส่วน​กลีบ​หน้าผาก อันเป็น​ส่วน​ที่​เกี่ยว​กับ​การ​ตัดสินใจ​และ​ควบคุม​ตน​เอง จะ​แยกแยะ​ออก​ได้​ยาก

"อาการ​เบาปัญญา​ที่​เกิด​อย่าง​กะทันหัน​ใน​เรื่อง​นี้ ควร​จะ​เตือน​ให้​ตระหนัก​ว่า เป็น​อาการ​เตือน​ของ​โรค​สมอง​เสื่อม​อย่าง​หนึ่ง ผู้​ป่วย​โรค​นี้ ยิ่ง​ตรวจ​พบ​ได้​เร็ว​เท่า​ไหร่​ยิ่ง​ดี".

http://www.thairath.co.th/content/edu/165422


--

[สช.ร่อนข่าว] ๑ ทศวรรษสมัชชา





๑ ทศวรรษสมัชชา

Printer-friendly   version
 
สนใจอ่านรายละเอียดเข้าร่วมงานภายใน 31 พ.ค. นี้เท่านั้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.samatcha.org/HA_Decade
โทรศัพท์ 02-832-9063 E-mail : monchanok@nationalhealth.or.th
 
    สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.)
    ชั้น 3 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ติวานนท์ 14 หมู่4 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
    โทร. 02-832-9000 โทรสาร 02-832-9001

    www.nationalhealth.or.th | www.healthstation.in.th
 

Unsubscribe from this newsletter




--
http://www.thaismeplus.com/news-en/business-news/1168.html
http://projects.silodesign.nl/vcm/
http://masterpieces.asemus.museum/default.aspx
http://www.skyscrapercity.com/showthread.php?t=1036185&page=32
http://twitter.com/RAFIKALGER
http://profile.imageshack.us/user/RafikH...
http://www.mixpod.com/playlist/47308482
http://fr-fr.facebook.com/people/Rafik-H...
http://www.tlcb.or.th/index.php?option=com_content&view=frontpage&Itemid=494
http://www.moeradiothai.net/home.php?webid=1
http://www.depthai.go.th/Default.aspx?tabid=114&qCategoryID=61&qKeyword=0
http://www.youtube.com/watch?v=W7giBy862zo&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=6bLZPatq53k&feature=fvw
http://www.youtube.com/watch?v=zN-LR9_IYpA
http://www.kmutt.ac.th/rippc/info.htm
http://www.fccthai.com/TheBulletin.html#517