|   พฤฒิชัย วิริยะโรจน์กมธ.พาณิชย์ฯ  กัดไม่ปล่อยโครงการประมูลเช่าคอมพ์ กทม. มูลค่ากว่า 900 ล้าน   ล่าสุดร่อนหนังสือถึงผู้บริหาร กทม. ชี้แจงประเด็น "ล็อก"  พร้อมขู่ฟอดหากไม่มีคำตอบ พร้อมส่งเรื่อง ป.ป.ช. ตรวจสอบแน่นอน นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร  เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าแม้ว่าจะสิ้นสุดกระบวนการประมูลเช่าระบบและพัฒนาห้องเรียนคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 435  โรงเรียน จำนวน 20,632 เครื่อง มีมูลค่า 936 ล้านบาท  ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์   หรือ อี-ออกชัน    โดยมีบริษัท สงขลา ฟินิชชิ่ง จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด คือ 893.9 ล้านบาท ไปแล้ว   แต่กรรมาธิการพาณิชย์ และทรัพย์สินทางปัญญา  ยังมีประเด็นที่ติดใจและสงสัยในหลายเรื่อง    ซึ่งล่าสุดได้ส่งหนังสือไปยังกรุงเทพมหานครให้ชี้แจงประเด็นปัญหาที่กรรมาธิการสงสัย  ก่อนเซ็นสัญญากับบริษัท สงขลาฟินิชชิ่ง จำกัด  ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2554
 โดยประเด็นแรกที่กรรมาธิการสงสัย  คือ ผู้ชนะงานประมูล  คือ  บริษัท สงขลาฟินิชชิ่ง จำกัด  และราคาที่ผู้ชนะประมูลเสนอใกล้เคียงกับราคากลาง 936 ล้านบาท     ซึ่งเป็นไปตามที่ กรรมาธิการ และหลายฝ่ายคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรก    ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ไม่สามารถตอบข้อสงสัยของกรรมาธิการได้ว่าทำไมกมธ. ถึงคาดเดาได้ถูกต้อง   เป็นเหตุให้เชื่อว่าโครงการดังกล่าวมีการล็อกการประมูล     ส่วนประเด็นที่ 2 ที่กรรมาธิการที่สงสัย  คือ ประเด็นโรงงานผลิตสเตเบิ้ลลายส์  ที่เป็นผู้ผลิต หรือประกอบเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ เอชพี  รุ่น คอมแพค  6005 โปร เอ็มที ให้กับบริษัทไทยทรานมิชชั่น  จำกัด    โดยขอให้ กทม.เข้าไปตรวจสอบโรงงานผลิตสเตเบิ้ลลายส์  ว่าเคยผลิตหรือประกอบเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นดังกล่าวมาก่อนหรือไม่  ถ้าหากโรงงานดังกล่าวไม่เคยผลิต หรือประกอบ   กทม.จะต้องยกเลิกการเซ็นสัญญาการประมูลครั้งนี้  เพราะถือว่าบริษัท ไทยทรานมิชชั่น จำกัด ผิดเงื่อนไขทีโออาร์ตั้งแต่แรก
 ส่วนประเด็นที่ 3 ที่กรรมาธิการต้องการให้กทม.เข้าไปตรวจสอบและชี้แจงต่อกรรมาธิการ  คือ ผู้ผลิตเครื่องแม่ข่ายทั้ง  3 ราย  ที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามทีโออาร์    คือ เอชพี, เอเซอร์ และฟูจิตสึ ที่ไม่ได้มีสินค้าเก็บสต๊อกในประเทศไทย  และมีลีดไทม์  หรือระยะเวลานับตั้งแต่ออกใบสั่งซื้อวัตถุดิบ  หลังจากวันสั่งซื้ออย่างน้อย 30 วัน ใช่หรือไม่   ถ้าใช่ กทม. ต้องยกเลิกการประมูล อี-ออกชัน ที่ผ่านมา   เนื่องจาก กทม. เริ่มขายซองประมูลเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554  และมีกำหนดให้ผู้เข้าร่วมประมูลนำตัวอย่างสินค้ามายื่นเพื่อประกวดราคาในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554  ซึ่งรวมแล้วมีระยะเวลาเพียง 18 วัน   ดังนั้นเป็นเหตุเชื่อได้ว่าอาจมีการล็อกสเปกไว้ล่วงหน้า  เอื้อประโยชน์ให้กับผู้เข้าร่วมประมูลบางราย
 สุดท้าย คือ ขอให้กทม. หาหลักฐานข้อมูลมายืนยันว่า เครื่องปรับอากาศขนาด 25,000 บีทียู ชนิดแบบแขวนใต้เพดาน ระบบ อินเวอร์เตอร์ ที่ได้รับการรับรองการประหยัดไฟเบอร์ 5 ตามทีโออาร์นั้นมีผู้ผลิตมากกว่า 1 ราย  ไม่ได้มีเฉพาะ สตาร์แอร์ เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวในไทย  และขอให้ กทม. ตรวจสอบว่าเครื่องปรับอากาศขนาด 25,000  บีทียู ชนิดแบบแขวนใต้เพดาน ระบบ อินเวอร์เตอร์ ที่ได้รับการรับรองการประหยัดไฟเบอร์ 5 มีการจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไป  หรือต้องมีการสั่งผลิตโดยเฉพาะ    หากต้องการมีการสั่งผลิตโดยเฉพาะ  อาจเข้าข่ายการล็อกสเปกได้
 นายพฤฒิชัย  กล่าวต่ออีกว่า หากกทม. ไม่สามารถตอบคำถามกรรมาธิการ ตามประเด็นข้อสงสัยดังกล่าวได้ ขอให้มีการยกเลิกการเซ็นสัญญากับบริษัท สงขลา ฟินิชชิ่ง จำกัด ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2554 นี้ไปก่อน   หาก กทม. ยังคงดำเนินการต่อกรรมาธิการ จะส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตรวจสอบผู้ว่าฯ กทม. ต่อไป
 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,632   5-7  พฤษภาคม พ.ศ. 2554 | 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น