รับชมข่าว VDO
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) เคลื่อนไหวออกแถลงการณ์พร้อมดำเนินกิจกรรมแสดงพลังเพื่อการปฏิรูปกองทัพ ลดงบประมาณทางทหาร ต่อต้านการนำงบประมาณทางทหารที่เป็นการนำเอาภาษีของประชาชนไปใช้ในทางที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งทางสนนท. ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ Global Day of Action on Military Spending (GDAMS) พร้อมกับอีกกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ด้วยการเดินหมากเชิงสัญลักษณ์ที่เจ็บเล็กๆ กับกิจกรรมหนุ่มสาวยุคดิจิตอลร่วมกันเผากงเต๊กในงาน "อุทิศส่วนกุศลให้ ไม่ต้องใช้เงินประชาชน"
เผากงเต๊ก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 เมษายน กลุ่มสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.ได้รวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์และประชดประชันด้วยการเผากงเต็ก บริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม ถ.หลักเมือง ต่อหน้ากลุ่มตำรวจ และทหารที่มาสังเกตุการณ์โดยสมาชิกสนนท. นำเสื้อกระดาษลายพราง ทองแท่งกระดาษ และยุทโธปกรณ์กระดาษ เช่น ระเบิด รถถัง และรองเท้าบูททหาร มาเผาเซ่นงบประมาณการทหารของกองทัพที่ใช้ภาษีของประชาชนเป็นจำนวนมาก
อ่านแถลงการณ์ มอบจดหมายให้ตัวแทนกองทัพ ยินดีที่นศ.ตื่นตัว
หลังจากนั้น นส. มานา ชุณห์สุทธิวัฒน์ นิสิตจุฬาลงกรณ์ สมาชิกสนนท. ได้อ่านแถลงการณ์ให้กับพันเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ตัวแทนกองทัพที่ออกมารับแถลงการณ์ ขณะที่พันเอก คงชีพ ตัวแทนของทหารก็รับฟัง และรับปากว่าจะนำเจตจำนงค์ดังกล่าวไปรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป โดยแถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความโดยย่อดังนี้
เป็นที่น่าสลดอย่างยิ่ง ที่ในขณะที่ประชาชนหลายประเทศทั่วโลกจมอยู่กับความแร้นแค้น ความยากจน เผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ และวิกฤติในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมสุขภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลในหลายประเทศกลับให้ความสนใจกับความทุกข์ยากเหล่านั้นเป็นเรื่องรอง และตัดลดงบประมาณในการช่วยเหลือ เพื่อเพิ่มงบประมาณทางทหาร ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับวิกฤติการณ์เหล่านี้แต่อย่างใด
"แม้ว่างบประมาณกลาโหมของประเทศไทยในปี 2554 จะถูกตัดเหลือเพียง 1.51 แสนล้านบาท จากที่กองทัพยื่นขอไปทั้งสิ้น 1.7 แสนล้านบาท แต่จำนวนดังกล่าวก็ยังมากเกินไป เมื่อคิดถึงว่ากองทัพได้นำไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อย่างไม่โปร่งใส เช่น ในกรณีเครื่องบินกริพเพน, จีที 200 หรือเรือเหาะตรวจการ และยิ่งไปกว่านั้น กองทัพยังใช้อาวุธที่มาจากภาษีประชาชนเหล่านี้ หันกลับเข้าเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ในประเทศ" มานา กล่าว
สนนท. ขอย้ำจุดยืนเดิมที่ได้สืบทอดมาแต่ในอดีตต่อการปฏิรูปกองทัพไทย จากการเป็นเครื่องมือของเครือข่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม เพื่อใช้ในการปราบปรามประชาชน รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการปลุกกระแสชาตินิยมอย่างล้าหลัง ให้กลายมาเป็นกองทัพที่มีจุดเกาะเกี่ยวเชื่อมโยงกับประชาชนโดยการคัดสรรผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพต้องมาจากการสรรหาของสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่โดยคณะกรรมาธิการการทหารของกองทัพ หรือบุคคลผู้มีบารมีนอกกองทัพ รวมถึงระบบการศึกษาของทหารต้องปลูกฝังให้เห็นคุณค่าในการพิทักษ์สิทธิ เสรีภาพของประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง และส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในกองทัพ
"ตัดงบประมาณทหาร หยุดใช้ภาษีเพื่อการเข่นฆ่าประชาชน" นักศึกษากล่าว
ด้านพันเอก คงชีพ ตัวแทนกองทัพ กล่าวหลังจากรับแถลงการณ์ของสนนท.ว่า ตนรู้สึกดีใจที่ทางสนนท.ได้ตื่นตัวกับภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นเรื่องของทุกภาค ทุกฝ่ายไม่ใช่แค่ของทหารเท่านั้น ประชาชนต้องมาช่วยตรวจสอบ
"คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นักศึกษาและทุกส่วนมาทำงานร่วมกัน โดยหลังจากนี้ผมจะได้นำข้อมูลเรียนกับผู้บังคับบัญชาให้ได้รับทราบ และจะมีผลในทางปฏิบัติในอนาคต"
เสียงของนักศึกษาต่อกองทัพ
ขณะที่นาย อดิเทพ ไชยสิทธิ์ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชั้นปีที่ 1 และสมาชิกสนนท. กล่าวว่า ทางกองทัพต้องปรับปรุงการพิจารณาลำดับความสำคัญในการซื้อ และการใช้งบประมาณใหม่ รวมถึงปรับปรุงการจัดซื้อ โดยจัดคณะกรรมการการซื้อที่มีการตรวจสอบพฤติกรรมทุจริต ที่สำคัญคือ ถึงเวลาแล้วที่กองทัพต้องเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมในการซื้อ และต้องให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจสอบได้ด้วย
"เราอยากเห็นกองทัพทันสมัย แต่เป็นด้วยเหตุผลความเข้มแข็งเพื่อการป้องกันตัวเอง ที่สำคัญคือ กองทัพต้องมีอุดมการณ์ยึดโยงกับประชาชน ไม่ใช่ยึดกับอำนาจนิยม อนุรักษ์นิยม การที่กองทัพมีอุดมการณ์รับใช้ประชาชนได้ กองทัพจะสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดต่อกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใหม่ แทนที่มองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นศัตรูของชาติ ควรหันมามองดูว่าเขามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง กองทัพและรัฐบาลไทยต้องเข้าไปแก้ปัญหาเพื่อขจัดทุกข์ให้หมดไป"
นอกจากนี้ กองทัพควรส่งเสริมการวิจัย พัฒนาในประเทศเพื่อเป็นการป้องกันตนเองในประเทศเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาภายนอก ซึ่งที่ผ่านมางบประมาณถูกนำไปใช้อย่างไม่สมเหตุสมผลจนไม่สามารถนำงบประมาณมาจัดซื้อสิ่งของเพื่อใช้ทดแทนอุปกรณ์เก่าๆที่กองทัพใช้อยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น