ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"

ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

เรื่องคน 3 คน (ดีนะอ่านแล้วคิดและปฏิบัติให้ได้ ใจเราจะเป็นสุข)



จาก: Kittiya Sophonphokai <kittiya@ombudsman.go.th>
วันที่: 19 กันยายน 2554, 12:36
หัวเรื่อง:  เรื่องคน 3 คน (ดีนะอ่านแล้วคิดและปฏิบัติให้ได้ ใจเราจะเป็นสุข)
ถึง:

 

 

Best Wishes

กิตติยา(เจี๊ยบ) โสภณโภไคย

Kittiya  Sophonphokai

Professional Academic Officer

Ethical Standard Promotion Bureau

Office of the Ombudsman

' 66 2141 9283  Fax. 66 2143 8373

Mobile 668 5151 6298 

 kittiya@ombudsman.go.th


 

 


คน 3 คน ...

 ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง
 
หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาต เห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า
'ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ
ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ'
 
หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
 
'เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน

คนแรก คือ คนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สอง คือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สาม คือ ตัวเราที่เป็นเราจริงๆ'

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้
นิ่งฟังหลวงตา 
 
'คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น
บางคนอยากเป็นนักร้อง เป็นนักมวย เป็นดารา
ถ้าถึงจุดหมาย เราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
ดังนั้น เราควรมีความฝันไว้ประดับตน เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ'
 
'มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น
บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย
เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก แต่เราก็ยิ้มรับ
แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์ จนไม่อยากจะนึกถึง
ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น
มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้'
 
'อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ ก็ต้องขับรถหนี
ทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร'
 
'สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวช เคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว
เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว

ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง ชาวบ้านซุบซิบนินทา
หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน

คนที่เห็นนั้น มองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า
ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ

มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง
คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม

 
เจ้าต้องจำไว้นะ
ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี
ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา
เห็นสิ่งไม่ดีของใคร..จงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ
นั่นแหละ วิถีของนักปราชญ์

ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทา เรียกว่า..วิถีของคนพาล'
 
'แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ'

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

 
'เจ้าต้องทำความเข้าใจ จิตใจมนุษย์
เรียนรู้ว่า ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้
เราห้ามใจใครไม่ได้

สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น
แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ
เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง

ใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระ
ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่
เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสาร
มีเวลามองคนอื่น แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง
จงแผ่เมตตาให้เขาไป
เข้าใจใช่ไหม'
 
'เข้าใจครับหลวงตา'

 
เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง
 
สว่างตา ด้วยแสงไฟ
สว่างใจ ด้วยแสงธรรม

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
 
สรณะอื่น ไม่มี

ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย

 

 

 

 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น