ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"

ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ร่วมลงนาม ยกเลิกกฎหมาย 3 ฉบับ มั่นคงภายใน - กฎอัยการศึก - พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

สาธารณสุขเร่งตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 215 แห่งทั่วประเทศ (ฐานเศรษฐกิจ)

 
สาธารณสุขเร่งตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 215 แห่งทั่วประเทศ (ฐานเศรษฐกิจ)

         ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายให้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองในเขตเทศบาลเมืองทั่วประเทศ ปีนี้เริ่ม 215 แห่ง ทำหน้าที่เป็นหน่วยพยาบาลตรวจรักษาโรคทั่วไป ทำฟัน เยี่ยมไข้ฟื้นฟูสุขภาพ  ประชาชนในเขตเมืองได้รับบริการสะดวก รวดเร็วและโดนใจสุดๆ


          วันนี้(16 กันยายน 2554)ที่ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้บริหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป/โรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่  จำนวน 600 คน เพื่อมอบนโยบายการพัฒนาศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ให้เป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศและเหมาะสมกับสภาพพื้นที่  ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และให้บริการที่ได้มาตรฐาน ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างสะดวก รวดเร็ว โดยมีรูปแบบของศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 4 จังหวัดคือ พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา แพร่ และสงขลา เป็นต้นแบบ  พร้อมมอบโล่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองดีเด่นระดับเขต 18 รางวัล


          นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจะพัฒนาระบบริการสุขภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับทั่วประเทศ ให้สามารถบริการที่บูรณาการและเชื่อมโยงกัน  โดยเพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลแต่ละระดับ ให้การรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ  เช่น พัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ที่กระจายในภาคต่างๆ ให้มีความเป็นเลิศ เป็นศูนย์เชี่ยวชาญไม่แตกต่างจากโรงเรียนแพทย์  เช่นศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน ศูนย์มะเร็ง และศูนย์ทารกแรกเกิด มีระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาต่อที่มีประสิทธิภาพ  และพัฒนาโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สามารถให้บริการเชิงรุก ป้องกันโรค ลดจำนวนผู้ป่วย ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ทันเวลา และมีความพึงพอใจต่อบริการหรือโดนใจประชาชนสูงสุด 
 
          สำหรับงานเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการขณะนี้ คือการลดความแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั่วประเทศ คือที่โรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหนัก รุนแรง มีผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือแพทย์ชั้นสูง โดยมีประชาชนมาไปตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกหรือโอพีดีเฉลี่ยวันละกว่า 2,000 คน ผู้ป่วยดังกล่าวประมาณ 2 ใน 3 ป่วยเป็นโรคทั่วๆไป ทำให้โอพีดีแน่นแออัด รอคิวนาน  แพทย์มีเวลาตรวจน้อย ส่งผลให้คุณภาพการรักษาพยาบาลลดลง จึงมีนโยบายจัดตั้งศูนย์บริการสุขภาพชุมชนเมืองในเขตเทศบาลเมืองทุกแห่ง ให้เป็นหน่วยบริการสุขภาพของโรงพยาบาลใหญ่ตรวจรักษาผู้ป่วยทั่วๆไป หากป่วยหนักหรือฉุกเฉินจะส่งรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ ระบบนี้ประชาชนจะได้รับบริการสะดวก เร็วขึ้นกว่าเดิม


           นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อไปว่า ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองนั้นจะมีบริการทั้งให้การรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค รวมทั้งการเข้าเยี่ยมบ้านดูแลฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยในชุมชน โดยเฉพาะโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง และมีบริการการแพทย์แผนไทยควบคู่ไปด้วย  โดยศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 1 แห่งจะดูแลประชากรประมาณ 30,000 คน ในระยะแรกจะตั้ง 215 แห่ง  โรงพยาบาลศูนย์จะตั้ง 3 แห่ง  โรงพยาบาลทั่วไปจะตั้ง 2 แห่ง  ส่วนโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ ให้ทำตามความสามารถ  ขณะนี้บางจังหวัดเริ่มทำแล้ว คาดว่าจะครบทุกแห่งภายใน 3 เดือนนี้  แต่ละแห่งจะมีแพทย์ประจำอย่างน้อย 1 คน  มีเภสัชกร ทันตแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุข นักกายภาพหรือแพทย์แผนไทย และเจ้าหน้าที่อื่นๆ  และนำบัตรคิวทันสมัยมาใช้เหมือนคิวของธนาคาร


ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ           
วันที่: 16 ก.ย.54 
อ้างอิง: http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=83964&catid=176&Itemid=524

 
http://www.mfa.go.th/business/news_weeks2.php?id=40767

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น