อบซาวน่าเพื่อสุขภาพที่ดีและผิวที่สดใส
สวยด้วยสุขภาพวันนี้ แม่หมอจะชวนเพื่อนๆมาอบซาวน่ากัน..... อันที่จริง การอบตัวนี่มีหลายประเภทนะคะ ทั้งอบซาวน่า อบ streaming หรืออบไอน้ำ รวมไปถึงอบสมุนไพร และเข้ากระโจม ..... วันนี้เรามาคุยกันเรื่องเซาวน่าก่อนดีกว่า ชื่อออกจะฝรั่งเพราะฉะนั้นต้นกำเหนิดคงไม่ใช่ในไทยแน่แล้วค่ะ ....... ซาวน่า เป็นวารีบำบัดวิธีหนึ่งของชาวฟินแลนด์ค่ะ ซึ่งมีประวัติเก่าแก่ยาวนานมาเป็นพันปี โดยชาวฟินแลนด์มักจะนิยมตัดต้นสนที่อยู่ข้างทะเลสาบในฤดูหนาวมาก่อเป็นห้องซาวน่าแล้วเข้าไปอบไอน้ำและความร้อนกันในนั้น หลังจากนั้นก็จะเจาะพื้นน้ำแข็งในทะเลสาบและลงไปแช่น้ำเย็นเยือกแข็งต่อในทันทีที่ออกมาจากห้องอบซาวน่า ยังผลให้ชาวฟินแลนด์มีภูมิต้านทานร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายค่ะ
ประโยชน์ของการซาวน่า
- ลดสารพิษจากระบบเลือด ทั้งคลอเลสโตรอล โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง น้ำส่วนเกิน และเซลล์ที่ตายแล้วโดยขับออกมาทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ
- เพิ่มการหมุนเวียนเลือด ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจน และสารอาหารอย่างทั่วถึง จึงช่วยลดความดันโลหิต
-ช่วยคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะ
- ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดได้ดี
- เป็นการทำความสะอาดตัวเองด้วยการหลั่งเหงื่อและขับของเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากการเผาผลาญออกมา
- ฆ่าเชื้อโรค ผิวพรรณสะอาดสดใส
-ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 600 ถึง 900 แคลอรี่ในแต่ละครั้ง
แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะข้อดีนะคะ ข้อเสียของการซาวน่าก็มีอยู่บ้างค่ะ ....... การอบซาวน่าเป็นระยะเวลานานๆ หลอดเลือดที่ผิวจะขยายตัว เลือดจะมากองอยู่บริเวณผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต มีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง จึงไม่ดีแน่ถ้าจะอบซาวน่าเป็นระยะเวลานานๆ.........และเพื่อนชายของแม่หมออ่านตรงนี้กันซักนิดนะคะ ที่ผ่านมาพบว่าผู้ชายที่ชอบอบซาวน่า หรือนอนแช่น้ำอุ่นนานๆ หรืออาบน้ำที่ร้อนจัด จะทำให้ปริมาณอสุจิลดลง เนื่องจากอสุจิจะเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 35.5 องศาค่ะ
วิธีการอบซาวน่าที่ถูกต้อง
การอบซาวน่าที่ถูกวิธีนั้นควรจะอยู่ในห้องอบซาวน่า ประมาณ 3 ไม่เกิน 5 นาที .......... หลังจากออกจากห้องซาวน่าแล้วให้ลงแช่ในบ่อน้ำเย็นต่อ (อุณหภูมิที่แนะนำควรจะต่ำกว่า 20 ?C) หรืออาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นแทนในกรณีที่ไม่มีบ่อน้ำเย็นให้บริการ ........... โดยแช่น้ำเย็นสัก 2 นาที แล้วกลับไปอบซาวน่าอีก 3 นาที สลับกับลงบ่อน้ำเย็นอีก 2 นาที ทำสลับกันไปเช่นนี้สัก 3 รอบ (คือ ให้เริ่มด้วยอบร้อนก่อน แล้วจบด้วยแช่น้ำเย็น ทำเช่นนี้ 3 รอบ) และยังมีรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมให้อีกดังนี้ค่ะ
- ให้ถอดเครื่องประดับทุกชิ้นออกก่อนเข้าห้องซาวน่า รวมถึงเครื่องประดับที่ติ่งหูและที่เจาะใส่จมูก โลหะเป็นสื่อนำความร้อน ลวกผิวให้ไหมพองได้
- ห้ามอบซาวน่าในขณะท้องอิ่ม ไม่ควรรับประทานอาหารใด ๆ ก่อนซาวน่าเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
- ใครออกกำลังกายก่อนเข้าซาวน่าควรพัก และรอจนจังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายต่อระบบของร่างกาย
- หัวใจสูบฉีดและเต้นเร็วขึ้นไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามากกว่านี้จะเกิดอันตรายต่อระบบของร่างกายได้เพระฉะนั้นให้ปรับอุณภูมิให้พอเหมาะกับตัวเราทุกครั้งนะคะ
- ควรอาบน้ำก่อนและเช็ดตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำ ผิวที่แห้งจะขับเหงื่อได้ดีและเร็วขึ้น และเพื่อให้เศษเซลส์ผิวหมองได้พองตัวและหลุดลอกจากผิวอย่างง่ายดาย
- ควรขัดผิวก่อนเข้าห้องอบ ผิวจะนุ่มยิ่งขึ้นความร้อนจะช่วยให้เศษไขมันในรูขุมขนละลายอ่อนตัว วิธีนี้เป็นการทำความสะอาดผิวที่ลึกขึ้น
- ขณะซาวน่าควรจิบน้ำเพียงเล็กน้อย ขณะที่หลั่งเหงื่อจะมีการดึงน้ำ และของเสียออกจากเนื้อเยื่อเข้าไปในระบบเลือด ถ้าร่างกายได้รับน้ำทันที ระบบเลือดจะดึงของเหลวจากลำไส้แทนการดึงจากเนื้อเยื่อ ซึ่งจะไปขัดขวางระบบขับของเสียโดยไม่รู้ตัว
- การอบซาวน่าจะกระตุ้นให้ไตเกิดการฟอกของเสียขยันขันแข็งขึ้น หลังอบซาวน่าให้ดื่มน้ำแร่ หรือไวน์ที่ผสมโซดา หรือน้ำแร่แช่มะนาวฝานบางสักชิ้นในแก้วจะยิ่งดี แต่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
- อบซาวน่าเท่าที่ร่างกายรู้สึกสบายไม่ควรอบนานเกินไป บางคนแค่ 5 นาทีก็พอ บางคนอยู่นานถึง 20 นาที เฉลี่ยแล้วร่างกายได้รับประโยชน์ภายใน 8 นาที
- ได้เดิน 5-6 ก้าวจะดียิ่ง ให้เดินอย่างมากสัก 15 นาที และพักร่างกายให้สงบ 15 นาที ห้ามว่ายน้ำเด็ดขาด
- ควรผ่อนร่างกายให้เย็นลงอย่างช้า ๆ โดยเริ่มจากสูดหายใจเอาลมเย็น ๆ เข้าไปภายใน แล้วอาบน้ำเย็น เมื่อระบบบหมุนเวียนในร่างกายคงที่ก็ลงอ่างน้ำได้ แต่ห้ามอาบน้ำเย็นในทันทีทันใดโดยเด็ดขาด
ประโยชน์ของการซาวน่า
- ลดสารพิษจากระบบเลือด ทั้งคลอเลสโตรอล โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง น้ำส่วนเกิน และเซลล์ที่ตายแล้วโดยขับออกมาทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ
- เพิ่มการหมุนเวียนเลือด ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจน และสารอาหารอย่างทั่วถึง จึงช่วยลดความดันโลหิต
-ช่วยคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะ
- ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดได้ดี
- เป็นการทำความสะอาดตัวเองด้วยการหลั่งเหงื่อและขับของเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากการเผาผลาญออกมา
- ฆ่าเชื้อโรค ผิวพรรณสะอาดสดใส
-ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 600 ถึง 900 แคลอรี่ในแต่ละครั้ง
แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะข้อดีนะคะ ข้อเสียของการซาวน่าก็มีอยู่บ้างค่ะ ....... การอบซาวน่าเป็นระยะเวลานานๆ หลอดเลือดที่ผิวจะขยายตัว เลือดจะมากองอยู่บริเวณผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆในร่างกาย เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต มีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง จึงไม่ดีแน่ถ้าจะอบซาวน่าเป็นระยะเวลานานๆ.........และเพื่อนชายของแม่หมออ่านตรงนี้กันซักนิดนะคะ ที่ผ่านมาพบว่าผู้ชายที่ชอบอบซาวน่า หรือนอนแช่น้ำอุ่นนานๆ หรืออาบน้ำที่ร้อนจัด จะทำให้ปริมาณอสุจิลดลง เนื่องจากอสุจิจะเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิร่างกายไม่เกิน 35.5 องศาค่ะ
วิธีการอบซาวน่าที่ถูกต้อง
การอบซาวน่าที่ถูกวิธีนั้นควรจะอยู่ในห้องอบซาวน่า ประมาณ 3 ไม่เกิน 5 นาที .......... หลังจากออกจากห้องซาวน่าแล้วให้ลงแช่ในบ่อน้ำเย็นต่อ (อุณหภูมิที่แนะนำควรจะต่ำกว่า 20 ?C) หรืออาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นแทนในกรณีที่ไม่มีบ่อน้ำเย็นให้บริการ ........... โดยแช่น้ำเย็นสัก 2 นาที แล้วกลับไปอบซาวน่าอีก 3 นาที สลับกับลงบ่อน้ำเย็นอีก 2 นาที ทำสลับกันไปเช่นนี้สัก 3 รอบ (คือ ให้เริ่มด้วยอบร้อนก่อน แล้วจบด้วยแช่น้ำเย็น ทำเช่นนี้ 3 รอบ) และยังมีรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมให้อีกดังนี้ค่ะ
- ให้ถอดเครื่องประดับทุกชิ้นออกก่อนเข้าห้องซาวน่า รวมถึงเครื่องประดับที่ติ่งหูและที่เจาะใส่จมูก โลหะเป็นสื่อนำความร้อน ลวกผิวให้ไหมพองได้
- ห้ามอบซาวน่าในขณะท้องอิ่ม ไม่ควรรับประทานอาหารใด ๆ ก่อนซาวน่าเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
- ใครออกกำลังกายก่อนเข้าซาวน่าควรพัก และรอจนจังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ มิฉะนั้นจะเกิดอันตรายต่อระบบของร่างกาย
- หัวใจสูบฉีดและเต้นเร็วขึ้นไม่ควรเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามากกว่านี้จะเกิดอันตรายต่อระบบของร่างกายได้เพระฉะนั้นให้ปรับอุณภูมิให้พอเหมาะกับตัวเราทุกครั้งนะคะ
- ควรอาบน้ำก่อนและเช็ดตัวให้แห้งหลังจากอาบน้ำ ผิวที่แห้งจะขับเหงื่อได้ดีและเร็วขึ้น และเพื่อให้เศษเซลส์ผิวหมองได้พองตัวและหลุดลอกจากผิวอย่างง่ายดาย
- ควรขัดผิวก่อนเข้าห้องอบ ผิวจะนุ่มยิ่งขึ้นความร้อนจะช่วยให้เศษไขมันในรูขุมขนละลายอ่อนตัว วิธีนี้เป็นการทำความสะอาดผิวที่ลึกขึ้น
- ขณะซาวน่าควรจิบน้ำเพียงเล็กน้อย ขณะที่หลั่งเหงื่อจะมีการดึงน้ำ และของเสียออกจากเนื้อเยื่อเข้าไปในระบบเลือด ถ้าร่างกายได้รับน้ำทันที ระบบเลือดจะดึงของเหลวจากลำไส้แทนการดึงจากเนื้อเยื่อ ซึ่งจะไปขัดขวางระบบขับของเสียโดยไม่รู้ตัว
- การอบซาวน่าจะกระตุ้นให้ไตเกิดการฟอกของเสียขยันขันแข็งขึ้น หลังอบซาวน่าให้ดื่มน้ำแร่ หรือไวน์ที่ผสมโซดา หรือน้ำแร่แช่มะนาวฝานบางสักชิ้นในแก้วจะยิ่งดี แต่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์
- อบซาวน่าเท่าที่ร่างกายรู้สึกสบายไม่ควรอบนานเกินไป บางคนแค่ 5 นาทีก็พอ บางคนอยู่นานถึง 20 นาที เฉลี่ยแล้วร่างกายได้รับประโยชน์ภายใน 8 นาที
- ได้เดิน 5-6 ก้าวจะดียิ่ง ให้เดินอย่างมากสัก 15 นาที และพักร่างกายให้สงบ 15 นาที ห้ามว่ายน้ำเด็ดขาด
- ควรผ่อนร่างกายให้เย็นลงอย่างช้า ๆ โดยเริ่มจากสูดหายใจเอาลมเย็น ๆ เข้าไปภายใน แล้วอาบน้ำเย็น เมื่อระบบบหมุนเวียนในร่างกายคงที่ก็ลงอ่างน้ำได้ แต่ห้ามอาบน้ำเย็นในทันทีทันใดโดยเด็ดขาด
สิ่งที่ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการอบซาวน่ามีดังนี้ค่ะ
1. ความร้อนจากการอบตัวไม่ใช่วิธีการในการลดน้ำหนัก เพียงช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมฮอร์โมนต่างๆ ดังนั้นการที่อบตัวนานๆ ในตู้อบ ทำให้น้ำหนักลดได้ก็จริงจากการเสียน้ำ แต่เมื่อดื่มน้ำทดแทน น้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม
2. ความร้อนจากการอบตัวไม่ได้ช่วยละลายไขมันสะสมในร่างกาย
3. การอบซาวน่า ซึ่งอาศัยความร้อนเป็นตัวทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว กล้ามเนื้อขยายตัว ช่วยคลายกล้ามเนื้อ........ นอกจากนี้ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดได้ดี จากนั้นลงแช่น้ำเย็นต่อทันทีเพื่อให้เส้นเลือดที่ผิวหดตัว ไล่เอาเลือดที่ได้รับกระตุ้นด้วยความร้อนบริเวณผิวหนังเข้าไปสู่ภายในร่างกายไปสู่อวัยวะสำคัญ ได้แก่ สมอง หัวใจ ตับ ไต เพิ่มความสดชื่นแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า เสริมสร้างภูมิต้านของร่างกายและคลายความเครียดให้แก่จิตใจได้อีกด้วย
4.การอบซาวน่าเป้นการออกกำลังกายให้กับหลอดเลือด ความร้อนจากซาวน่ากระตุ้นระบบโลหิตใต้ผิวหนัง ให้หมุนเวียนสูบฉีดว่องไว จัดสรรอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลส์ผิวอย่างมากมาย ภาวะที่ต้องนั่งทำงานนิ่ง ๆ นาน ๆ ในออฟฟิศ โลหิตใต้ผิวจะหมุนเวียนเฉื่อยชาลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นถึงการสะสมของเซลลูไลต์ ขณะเข้าซาวน่า หลอดเลือดมีการขยายตัว พอคุณออกจากซาวน่า หลอดเลือดจะเกิดการหดตัว ภาวะที่หลอดเลือดหดและขยายตัวเช่นนี้ คือการออกกำลังกายให้กับหลอดเลือด
5.ความร้อนจากการอบตัวยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยจากสหรัฐอเมริการะบุว่า จำนวนเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายและดูดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย อย่างเชื้อแบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่หายใจสูดอากาศอุ่นร้อนในซาวน่าเข้าไป จะกระตุ้นให้มีการสูบฉีดโลหิตสู่เยื่อบุถึง 17 ครั้ง ภาวะเช่นนี้จะกระตุ้นการสร้างสารปกป้องร่างกายจำพวกฮีโมโกลบินให้มากขึ้น (ฮีโมโกลบิน เป็นโปรตีนในเลือดพลาสม่า ทำหน้าที่ด้านภูมิต้านทาน)
6.ผู้อบซาวน่าจะต้องไม่เป็นโรคติดเชื้อรุนแรง ไข้หวัด และโรคไต สำหรับโรคความดันโลหิตและเส้นเลือดตีบตัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
ว่าแล้วพวกเรา ชมรมสวยใสๆ หาเวลาไปอบซาวน่ากันดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีและผิวพรรณที่สดใสจะได้อยู่กับเราตลอดไปค่ะ
1. ความร้อนจากการอบตัวไม่ใช่วิธีการในการลดน้ำหนัก เพียงช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมฮอร์โมนต่างๆ ดังนั้นการที่อบตัวนานๆ ในตู้อบ ทำให้น้ำหนักลดได้ก็จริงจากการเสียน้ำ แต่เมื่อดื่มน้ำทดแทน น้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม
2. ความร้อนจากการอบตัวไม่ได้ช่วยละลายไขมันสะสมในร่างกาย
3. การอบซาวน่า ซึ่งอาศัยความร้อนเป็นตัวทำให้เส้นเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว กล้ามเนื้อขยายตัว ช่วยคลายกล้ามเนื้อ........ นอกจากนี้ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยคลายความเครียดได้ดี จากนั้นลงแช่น้ำเย็นต่อทันทีเพื่อให้เส้นเลือดที่ผิวหดตัว ไล่เอาเลือดที่ได้รับกระตุ้นด้วยความร้อนบริเวณผิวหนังเข้าไปสู่ภายในร่างกายไปสู่อวัยวะสำคัญ ได้แก่ สมอง หัวใจ ตับ ไต เพิ่มความสดชื่นแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า เสริมสร้างภูมิต้านของร่างกายและคลายความเครียดให้แก่จิตใจได้อีกด้วย
4.การอบซาวน่าเป้นการออกกำลังกายให้กับหลอดเลือด ความร้อนจากซาวน่ากระตุ้นระบบโลหิตใต้ผิวหนัง ให้หมุนเวียนสูบฉีดว่องไว จัดสรรอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลส์ผิวอย่างมากมาย ภาวะที่ต้องนั่งทำงานนิ่ง ๆ นาน ๆ ในออฟฟิศ โลหิตใต้ผิวจะหมุนเวียนเฉื่อยชาลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นถึงการสะสมของเซลลูไลต์ ขณะเข้าซาวน่า หลอดเลือดมีการขยายตัว พอคุณออกจากซาวน่า หลอดเลือดจะเกิดการหดตัว ภาวะที่หลอดเลือดหดและขยายตัวเช่นนี้ คือการออกกำลังกายให้กับหลอดเลือด
5.ความร้อนจากการอบตัวยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยจากสหรัฐอเมริการะบุว่า จำนวนเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายและดูดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย อย่างเชื้อแบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่หายใจสูดอากาศอุ่นร้อนในซาวน่าเข้าไป จะกระตุ้นให้มีการสูบฉีดโลหิตสู่เยื่อบุถึง 17 ครั้ง ภาวะเช่นนี้จะกระตุ้นการสร้างสารปกป้องร่างกายจำพวกฮีโมโกลบินให้มากขึ้น (ฮีโมโกลบิน เป็นโปรตีนในเลือดพลาสม่า ทำหน้าที่ด้านภูมิต้านทาน)
6.ผู้อบซาวน่าจะต้องไม่เป็นโรคติดเชื้อรุนแรง ไข้หวัด และโรคไต สำหรับโรคความดันโลหิตและเส้นเลือดตีบตัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
ว่าแล้วพวกเรา ชมรมสวยใสๆ หาเวลาไปอบซาวน่ากันดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีและผิวพรรณที่สดใสจะได้อยู่กับเราตลอดไปค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น